สารสกัดขมิ้นชันกับการรักษาโรคข้อต่ออักเสบ
"ขมิ้นชัน" คือสมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัวคนไทยมาโดยตลอดอย่างยาวนาน ทุกครัวเรือนต้องเคยนำมาใช้ประกอบอาหารกันแล้วแทบทั้งนั้น หรือหลาย ๆ คนก็มักจะรู้จักมันในฐานะที่เป็นยาแก้ท้องอืด แต่รู้ไหมว่าสารเคอร์คูมินอยด์ (curcuminoids) ในขมิ้นชันนั้นมีสรรพคุณในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันตับจากสารพิษ และ ป้องกันการเกิดมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนมีงานวิจัยจากต่างประเทศรับรองแล้วทั้งสิ้น และนอกจากนั้นสารสกัดขมิ้นชันยังมีสรรพคุณนั้นในเรื่องของการบำรุงและรักษาโรคข้อต่ออักเสบหรือข้อต่อเสื่อมอีกด้วย ซึ่งตรงนี้นี่เองที่เราจะนำมาใช้ประโยชน์ในวงการกีฬาได้
ความสำคัญของข้อต่อและเส้นเอ็นในกีฬาเพาะกาย
" กล้ามเนื้อ: นี่พวกนายเดี๋ยวฉันจะแข็งแรงฉันจะโตแล้วนะ
เส้นเอ็น&ข้อต่อ: ไม่เว้ยย นายโตไม่ได้หรอก พวกฉันยังไม่พร้อมเลย "
หลาย ๆ คนที่เล่นกีฬาเพาะกายหรือแม้กระทั่งที่เล่นฟิตเนสทั่ว ๆ ไป มักให้ความสำคัญเฉพาะกับกล้ามเนื้อ ทุกคนต่างคิดแค่ที่จะฝึกหนักให้เข้าไว้ กินโปรตีนให้เยอะเข้าไว้ มัวแต่คิดมัวแต่เป็นห่วงว่ากล้ามจะไม่โต แต่คุณรู้ไหมสิ่งที่หลายๆคนมักมองข้ามไปนั้นคือความสมบูรณ์ของเส้นเอ็นและข้อต่อนั้นเอง ้เคยสังเกตุตัวเอง สังเกตุเพื่อนรอบข้างไหมเวลาพวกเขาบาดเจ็บส่วนมากมักจะไม่ค่อยเป็นที่กล้ามเนื้อกันซักเท่าไหร่ แต่มักจะบาดเจ็บกันที่เส้นเอ็นและข้อต่อแทบทั้งนั้น ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะให้ความสำคัญกับพวกมัน ไม่ว่าจะท่าฝึก รูปแบบการฝึก ตารางฝึก หรือเรื่องของอาหารที่จะช่วยให้ข้อต่อและเส้นเอ็นพร้อมทำงานพร้อมรับภาระหนักๆได้อยู่ตลอดเวลา เรื่องต่างๆเหล่านี้ถือเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่จะนำพากล้ามเนื้อให้พัฒนาขึ้นไปข้างหน้าแทบทั้งนั้น
ในส่วนของการฝึกก็ให้เริ่มจากการเลือกท่าที่เหมาะสมกับเป้าหมายก่อนว่าต้องการฝึกกล้ามเนื้อมัดไหนและควรคำนึงถึงภาระที่จะเกิดกับข้อต่อด้วย เช่นหากต้องฝึก 4 ท่า ก็อาจจะเลือกท่าที่ข้อต่อรับภาระน้อยเพิ่มเข้าไปด้วย 2 ท่า ไม่ควรเลือกท่าที่ทำให้ข้อต่อรับภาระหนัก ๆ ทั้งหมด โดยพิจารณาจากลักษณะการเคลื่อนที่ จำนวนครั้งและน้ำหนักที่ต้องใช้ในแต่ละท่า สิ่งต่อมาที่สำคัญมากอีกเช่นกันก็คือการปรับฟอร์มปรับท่าทางในการฝึกให้ถูกต้องและเหมาะสม และต้องคำนึงว่าขึ้น-ลงเท่าไหร่ถึงจะพอดี ทำให้กล้ามเนื้อทำงานเต็มที่และไม่บาดเจ็บไปในตัว นอกจากนั้นการจัดโปรแกรมการฝึกก็สำคัญเช่นกัน ควรวางแผนให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้พักอย่างเหมาะสม อย่าให้ส่วนใดส่วนหนึ่งต้องใช้งานติดต่อกันมากเกินไป
สำหรับเรื่องของอาหารหากฝึกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ก็เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะให้ความสำคัญกับอาหารเสริมที่จะช่วยให้เส้นเอ็นและข้อต่อของคุณทำงานรับภาระได้หนัก ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะร่างกายก็เหมือนเครื่องยนต์ หากไม่เติมน้ำมันเครื่อง ไม่ใส่จาระบี เครื่องยนต์ก็อาจจะทำงานแย่ขึ้น ๆ สะสมมากเข้าก็อาจจะพังได้สักวัน
งานวิจัยในประเทศไทย
รศ.พญ.วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้นำเอาขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูลสารสกัดซึ่งผลิตโดยองค์การ เภสัชกรรมมาใช้ในงานวิจัย "การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของ curcuminoids capsule กับ Ibuprofen ในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม" รศ.พญ.วิไล กล่าวว่า "ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาประสิทธิผล รวมทั้งผลข้างเคียงของสารสกัดขมิ้นชันเทียบกับยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากพบว่าเมื่อผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมมีอาการปวดหรืออาการอักเสบจะต้องอาศัยยาต้านการอักเสบเพื่อลดการอักเสบและลดอาการปวด แต่ยังมีผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่สามารถรับประทานยาเหล่านี้ได้ เพราะเมื่อรับประทานยาเข้าไปจะมีผลข้างเคียงจนเกิดอาการแสบท้อง มวนท้อง บางรายถึงขั้นเป็นแผลหรือมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ทั้งนี้เนื่องจากยาไปกัดทางเดินอาหารและกระเพาะอาหาร พอเป็นแผลก็มีเลือดออก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงทางด้านกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยจึงกลัวและกังวลกับการรักษาด้วยการรับประทานยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟนเป็นอย่างมาก”
สำหรับกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมงานวิจัยคือ ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่มีอาการปวด 50% ขึ้นไป คือเมื่อวัดจากคะแนนความปวด 0-10 กลุ่มที่เข้าร่วมวิจัยมีคะแนนความปวดอยู่ที่ 5 ขึ้นไป เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มที่คะแนนน้อยกว่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาต้านการอักเสบ โดยผู้ป่วยจะได้รับสารสกัดแคปซูลขมิ้นชันวันละ 8 เม็ด (2 เม็ด 4 เวลา) เฉลี่ยวันละ 2,000 มิลลิกรัม เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟนวันละ 800 มิลลิกรัมติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์ (มีการติดตามผลทุก ๆ 2 สัปดาห์) ซึ่งใช้การศึกษาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี รวมแล้วมีผู้ป่วยที่เข้าร่วมงานวิจัยกว่า 100 ราย
จากการศึกษาวิจัยพบว่าเมื่อมีการวัดคะแนนความปวดของคนไข้ทั้ง 2 กลุ่ม โดยวัดจากการเดิน และการขึ้น-ลงบันได เมื่อเวลาผ่านไป 6 สัปดาห์ ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่ม มีคะแนนความปวดลดลงทั้งคู่เมื่อเปรียบเทียบกับตอนก่อนเข้าร่วมวิจัย ซึ่งก็หมายถึงว่ายาทั้งสองตัวนี้ให้ผลในการลดอาการปวดเหมือนกัน รวมถึงช่วยให้การใช้งานข้อดีขึ้น โดยวัดจากการเดินในแนวราบเป็นระยะทาง 100 เมตร แต่เมื่อมาเปรียบเทียบว่าระหว่างสารสกัดแคปซูลขมิ้นชันกับยาไอบูโปรเฟนตัวไหนช่วยลดอาการปวดและการอักเสบได้มากกว่ากัน ได้แนวโน้มที่ดูเสมือนว่าสารสกัดแคปซูลขมิ้นชันให้ผลดีกว่าไอบูโปรเฟนเล็กน้อย แต่ในทางสถิตินั้นถือว่าไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใด
หมอวิไลให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "แม้จากการวิจัยจะใช้คนไข้ซึ่งเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแต่ถ้าคนไข้มาด้วยอาการปวดหรือการอักเสบที่ข้อต่ออื่น ๆ ของร่างกายก็ดูเสมือนว่าน่าจะใช้สารสกัดแคปซูลขมิ้นชันนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามในวงการแพทย์สำหรับยาใหม่ต้องมีหลักฐานเฉพาะโรคก่อนว่ารักษาโรคนั้น ๆ ได้ แต่ทั้งนี้คนไข้ต้องทำความ เข้าใจก่อนว่าสารสกัดแคปซูลขมิ้นชันอาจใช้เป็นทางเลือกหนึ่งของคนไข้โรคข่อเสื่อมที่ต้องการยาต้านอักเสบ และเป็นกลุ่มที่เกิดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร ไม่เกี่ยวกับการลดความเสี่ยงต่อการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อ ดังนั้นถ้าคนไข้มองว่าจะเริ่มทานสารสกัดแคปซูลขมิ้นชันนี้ตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดข้อหรือการอักเสบเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะเมื่อเป็นโรคข้อเสื่อมขั้นรุนแรงที่รักษาด้วยการใช้ยาไม่ได้ผล คนไข้ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดอยู่ดี"
ปัจจุบันรศ.พญ. วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ได้ร่วมกับผู้วิจัยจากหลายโรงพยาบาลดำเนินการทดลองในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจำนวนที่มากขึ้น โดยลดขนาดการให้ยาจาก 2,000 มิลลิกรัม/วัน เป็น 1,200 มิลลิกรัมหรือ 6 แคปซูล/วัน
สารสกัดจากขมิ้นชัน นอกจากจะช่วยต้านอาการอักเสบในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมได้แล้ว ยังมีผลการวิจัยของ ผศ.พญ.สมลักษณ์ จึงสมาน ที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าสารสกัดขมิ้นชันสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยารักษา) ได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาประสิทธิผลของแคปซูล สารสกัดขมิ้นชันต่อการลดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวและการควบคุมภาวะเมตาบอลิกในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับ curcuminoids capsule วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 แคปซูล เป็นเวลา 6 เดือน สามารถลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือด และภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ curcuminoids capsule อย่างชัดเจน
งานวิจัยในต่างประเทศ
งานวิจัยได้ยืนยันแล้วว่าสารสกัดขมิ้นชันนั้นบรรเทาอาการปวดและการอักเสบในผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคไขข้ออักเสบได้จริง และงานวิจัยยังแสดงให้เห็นอีกว่ามันสามารถใช้ได้จริงและให้ยังให้ผลดีกว่ายาต้านการอักเสบกลุ่มไม่มีสารสเตียรอยด์อีกด้วยเมื่อใช้ในการบรรเทาการอักเสบหลังการผ่าตัด งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (Tucson) รายงานว่าหนูที่ได้รับสารสกัดขมิ้นชันหลังจากที่โดนฉีดสารกระตุ้นโรคข้อต่ออักเสบนั้น การทำลายกระดูกอ่อนลดลงถึง 70% เมื่อเทียบกับหนูที่ได้รับยาหลอก สารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชั้นนั้นมีประสิทธิภาพในการยับยั้งโปรตีนที่ไปกระตุ้นกระบวนการทางเคมีซึ่งส่งผลให้เกิดอาการอักเสบ
และ Dr.Jim Stoppani กูรูด้านเพาะกายระดับโลกก็ได้แนะนำให้ทาน สารสกัดจากขมิ้นชัน 200-500 มิลกรัม (เลือกยี่ห้อที่ที่มีสารเคอร์คูมินอยด์อยู่ 95%) 2-3 ครั้งต่อต่อวัน
มุมมองจากนักกีฬา IFBB Pro Evan Centopani
เคอร์คูมิน (Curcumin) คือสารสกัดจากขมิ้นชันและจัดเป็นสารที่มีประโยชน์เยอะมากๆ สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดในสารเคอร์คูมินคือศักยภาพในการควบคุมอาการอักเสบต่างๆ และการส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต สุขภาพของหัวใจ และอีกเรื่องคือการฟื้นฟูเซลล์ตับ ด้วยโดสที่ผมได้รับการแนะนำมา ผมเริ่มใช้มันด้วยปริมาณ 500 มิลลิกรัม โดยทานพร้อมมื้ออาหาร 2 ครั้งต่อวัน หลังจากที่ผมใช้มันไปแล้วสองอาทิตย์ผมก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันสามารถลดอาการปวดหลังและหัวเข่าของผมลงได้ อีกทั้งผมยังพบว่าการหายใจของผมระหว่างการฝึกนั้นง่ายขึ้นไม่ต้องฝืนเหมือนเดิม และสุดท้ายผมสังเกตุได้อีกอย่างคือการย่อยอาหารโดยรวมของผมดีขึ้น
บทสรุป
จากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ จากคำแนะนำของกูรูด้านฟิตเนสระดับโลก จากผลการใช้จริงของนักเพาะกายมืออาชีพระดับโปร เท่านี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสารสกัดจากขมิ้นชันนั้นมีประโยชน์และสามารถใช้ได้ผลจริงกับผู้ที่มีอาการปวดข้อต่อ มันจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่เล่นเวทฝึกเพาะกายอย่างหนักและกีฬาประเภทอื่นๆด้วยเช่นกัน อีกทั้งราคาของมันก็ถูกมากด้วยค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าไหร่ หาซื้อได้ง่ายในไทย จึงเป็นเรื่องที่ดีมากหากจะเพิ่มมันเข้าไปในลิสต์อาหารเสริมของคุณ นอกจากมีอาหารเสริมเพื่อบำรุงข้อต่อแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรคำนึงถึงก่อนหน้านี้เสมอคือความปลอดภัยในการฝึกนั้นเอง การควบคุมสาเหตุมันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะมาแก้ที่ปลายเหตุอย่างแน่นอน ดังนั้นฝึกอย่างเข้มข้นหนักหน่วงแล้วก็ต้องฝึกแบบฉลาดๆด้วยนะครับ ฝากไว้แค่นี้
เอฟ ยุทธนา ชูสง
- Founder of Muscle Rock
- Amatuer Bodybuilder
- 4th Place of Latchford Classic 2011 (Men's Bodybuilding Under 80 kg.)
- Personal Fitness Trainer & Online Fitness Consultant
- Former Mechanical & Design Engineer
- Content Editor of Muscle Rock 2012 - Present
Follow me